“อาหารเดลิเวอรี่” : “รุ่ง” เพราะ โควิด-19 จริงหรือ?

จากสถานการณ์ปัจจุบันอันเนื่องมากจากโควิด-19 ทำให้อาหาร เดลิเวอรี่เป็นที่ต้องการ และมีการพัฒนาขึ้นไปมากทั้งรูปแบบการบริการ คุณภาพของอาหาร และความหลากหลายของเมนู แต่วัฒนธรรมในการกินอาหารของคนไทยนั้นมีรูปแบบละเอียดอ่อนกว่านั้น เช่น บรรยากาศของสิ่งแวดล้อม เมนูที่ต้องมีเครื่องเคียงทั้งของกินเล่นและของหวานที่มีลักษณะกินเป็นชุดมากกว่าอาหารจานเดียว อันเป็นลักษณะของอาหารไทย นอกจากนี้ การเลือกองค์ประกอบของอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาหาร เดลิเวอรี่ไม่มี ก็ทำให้เกิดความเบื่อได้ง่าย เมื่อพ้นสถานการณ์นี้ไปแล้ว อาหารเดลิเวอรี่อาจจะยังคงมีอยู่ แต่คงไม่รุ่งเท่าตอนนี้ การกินอาหารแบบเดิมตามวัฒนธรรมของคนไทยก็จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

            “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”  มาตรการต้านโควิด-19 ของรัฐบาล เล่นเอาวิถีชีวิตของคนเมืองใหญ่ ๆ  แปรสภาพไปหลาย ๆ อย่าง  โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องทำทุกวี่ทุกวันอย่าง “อาหารการกิน”  ก็กระทบเต็ม ๆ

            โดยปกติคนไทยกับ “การกิน” นั้น  กินได้ทุกที่ ทุกเวลา  ยิ่งวิถีชีวิตคนเมืองด้วยแล้ว  ชอบจะสะดวกสบาย … อยากได้อะไรต้องได้  ชนิดที่เรียกว่า “รอไม่ได้ ช้าไม่เป็น”  เพราะภารกิจที่รัดตัว  เวลาที่ไม่ค่อยจะมี  แต่ก็อยากได้สุนทรีย์จากทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีเวลาและโอกาส

            แต่เมื่อถูกกักบริเวณ  ต้องอยู่กับบ้านออกไปไหนก็ไม่สะดวก แถมยังมีความหวาดวิตกว่าจะติดเชื้อ โควิด-19 อีก

            ความจริงอยู่บ้านว่าง ๆ ไม่ได้ไปไหน  น่าจะทำอาหารกินเอง แต่พอดูผลสำรวจของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ไปเจาะใจคนไทยทั่วประเทศ 1,242 คน เมื่อวันที่ 5-8 พฤษภาคม 2563 พบว่า

            “5 กิจกรรมยอดฮิต” ในภาวะที่ต้องหยุดอยู่กับบ้าน

อันดับ 1 เล่นเฟชบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไลน์  อินสตาแกรม84.34%
อันดับ 2 นอนพักผ่อน    83.11%
อันดับ 3 ทำงานที่บ้าน (WHF)78.04%
อันดับ 4 ดูหนัง 75.70%
อันดับ 5 ฟังเพลง   72.44%

            ไม่มี “ทำอาหาร”  ติด 1 ใน 5 เลย ทั้ง ๆ ที่แต่ละวันต้องกินอาหาร  3  มื้อ  อยู่แล้ว ทำไม? .. เพราะอะไร?

            อาจจะมีเหตุผลที่มาจากความเครียดที่ต้องถูกกักบริเวณ  ไม่ใช่แค่ ไม่อยากไปติดเชื้อที่ตลาดสด หรือเพียงแค่ร้านอาหารปิดบริการเท่านั้น  หรือพื้นฐานเดิม ๆ ของคนไทยที่ “อยู่เฉย ๆ ก็หลับ ขยับก็กิน” เมื่อจะกินไม่มีวัตถุดิบจะทำ เปิดตู้เย็นก็มีแต่ไข่ ทั้งเบื่อทั้งขี้เกียจ  ผนวกกับความเครียด ก็อยากได้ความสะดวกสบาย “อาหารเดลิเวอรี่”  จึงเข้ามาสอดรับพอดิบพอดี  ช่างเหมาะเจาะเสียจริง ๆ !!

            ตอนแรกผู้เขียนก็คิดว่า “อาหารเดลิเวอรี่”  คงจะมาแทนที่การทำอาหาร และหิ้วกับข้าวถุงกลับบ้านชั่วครู่ชั่วยาม เมื่อ โควิด–19 จางหายไป การทำอาหารกินเองก็น่าจะหวนกลับมาดั่งเดิม

            แต่พอพลิกไปดูผลสำรวจของ “สวนดุสิตโพล”  ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน  จากคำถามที่ว่า  “หากสถานการณ์ โควิด–19 หมดลง ลูกค้ายังสนใจจะสั่งอาหารเดลิเวอรี่อยู่หรือไม่”

            96.03% ตอบว่า “สนใจที่จะสั่งอาหารเดลิเวอรี่ต่อไปอีก”

            เมื่อได้เสพก็ยิ่งจะติด!  ถ้ายิ่งได้อาหารที่ถูกปาก ถูกใจ  เชื่อมั่นในความสะอาด ปลอดภัย อะไรหรือ จะมาฉุดรั้งได้

            แต่ก็ต้องมองในมิติการคาดการณ์ว่า  โควิด-19 จะเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทย  ไปจากเดิมและพฤติกรรม   ที่เปลี่ยนไปโดยเกิดคำว่า “New normal”  โดยเฉพาะการกินอยู่ที่ “Digital Takeover” จะเข้ามาอำนวยความสะดวกสบายในการใช้งาน จาก โควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งพฤติกรรมผู้บริโภคให้ยับยั้งและป้องกันการแพร่เชื้อ  ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการดิจิทัลอย่างจริงจัง

            ประเด็นดังกล่าวนี่เองที่มีส่วนผลักดันให้บริการเดลิเวอรี่ออนไลน์เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

            “อาหารเดลิเวอรี่”  จึงเป็นบริการที่ตอบสนองผู้บริโภคไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย  แต่ตอบสนองความต้องการที่ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตนอกบ้าน  โดยเฉพาะจะต้องไปแออัดยัดเยียดในตลาดสด นี่ยังไม่รวมถึงการใช้เงินสดที่น้อยลง  โดยผู้ให้บริการอาหารเดลิเวอรี่เปิดช่องทางการชำระค่าอาหารด้วย
แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง อีเพย์เมนต์  รวมไปถึงเครดิตการ์ดอีกต่างหาก

            “ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่” จึงก้าวเข้าสู่ยุคทองก็ว่าได้

            แต่อย่าประมาทว่า “คนไทยอะไรก็ได้” นะ  ยิ่งธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่เฟื่องฟู  แข่งขันกันอย่างดุเดือด ก็เป็นโอกาสทองของผู้บริโภคเช่นเดียวกันเพราะผู้บริโภคก็กำลังมองหา สิ่งที่มากกว่ารสชาติและความสะอาดโดยแสวงหา ความสะดวกรวดเร็ว ช่องทางการติดต่อที่เข้าถึงได้ง่าย เมนูอาหารสุดเจ๋ง รายละเอียดราคาต้องชัดเจน  บริการที่สุดประทับใจ  รวมถึงโปรโมชั่นเด็ด ๆ

            รายละเอียดดังกล่าว สอดคล้องกับผลสำรวจของ “สวนดุสิตโพล” ที่ผู้ใช้บริการ  “อาหารเดลิเวอรี่”   ระบุว่า สะอาดถูกหลักอนามัย (97.73%)  ความสะอาดของพนักงานส่งอาหาร (94.83%)  รสชาติอร่อย (94.28%)  ราคาถูก/ย่อมเยา (92.56%) ส่งตรงเวลา (92.11%)  ฯลฯ

            แม้อยากจะสรุปว่า  พฤติกรรมการกินอยู่ของคนไทยในเมืองใหญ่ ๆ  มีจริตที่เอื้อต่อ “อาหารเดลิเวอรี่”  อยู่แล้ว  แต่เมื่อ โควิด-19  เป็นตัวเร่งและได้ทำให้การกินอยู่ของคนไทยซึ่งเป็นหนึ่งใน New normal  จึงยากที่จะด่วนสรุปได้

            ดังนั้นผู้ประกอบการ  “ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่”  คงจะต้องมองผ่าน  “ข้อมูล”  เหล่านี้ให้ทะลุ
ปรุโปร่งจริง ๆ จึงจะมีโอกาสที่จะครองใจลูกค้าได้ตลอดกาล
!

รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสุดา วงศ์วิเศษกุล

คณะบดีคณะพยาบาลศาสตร์

           ในภาวะที่มีการระบาดของ COVID-19 มาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การทำงานที่บ้าน (Work from Home) ก่อให้เกิดวิถีชีวิตแบบใหม่คือการสั่งอาหารปรุงเสร็จหรือกึ่งปรุงสำเร็จจากร้านอาหารมารับประทานที่บ้านผ่าน Food Delivery Application  กล่าวได้ว่า “อาหารเดลิเวอรี่” ได้รับความนิยมมากในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด  ในที่นี้ ขอฝากแง่คิดในการใช้บริการ “อาหารเดลิเวอรี่” ไว้สักเล็กน้อย เรื่องแรกคือ ความปลอดภัยจากการปนเปื้อนเชื้อในระหว่างขนส่ง จึงควรสั่งอาหาร/เครื่องดื่มจากร้านที่ใช้บรรจุภัณฑ์ปิดมิดชิด สามารถใช้แอลกอฮอล์พ่น/เช็ดห่อบรรจุอาหารก่อนเปิดได้ หรือหากพบว่ากล่องอาหารปิดไม่สนิท ควรอุ่นให้ร้อนจัดก่อนรับประทาน เรื่องที่สอง คือ คุณค่าทางโภชนาการ การสั่ง“อาหารเดลิเวอรี่” ที่อุดมด้วยแป้ง ไขมัน น้ำตาล หรือเกลือ อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพในระยะยาว จึงควรรับประทานในปริมาณที่สมดุลกับความต้องการของร่างกายและเพิ่มการออกกำลังกายในบ้าน เรื่องสุดท้ายคือ กระบวนการผลิต ควรสั่งอาหารที่ปรุงสุกเสร็จใหม่จากร้านที่ไม่ห่างจากที่พักมากนักเพื่อให้อาหารยังคงร้อนเมื่อได้รับ

หากมีผักหรือผลไม้สด ควรล้างสะอาดก่อนรับประทาน นอกจากนี้ การเลือกสั่งอาหารจากผู้ผลิต   ที่เชื่อถือได้ เช่น บริการ “อาหารเดลิเวอรี่” จากHome Bakery มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ย่อมได้รับประทานอาหารคุณภาพ สมราคา อุดมด้วยคุณค่าทางอาหาร และรสชาติที่ถูกใจ

นางสาวรณิดา ศรีธนาวรุณ

           Suan Dusit Delivery กับระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001:2015

           สำหรับ  Food Delivery การจัดการคุณภาพในการผลิตอาหารที่ดี มีการสื่อสารและปฏิบัติงานตามนโยบายคุณภาพร่วมกัน คือ “เราจะผลิตและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ผ่านกิจกรรมคุณภาพดังนี้

           1. ผู้ปฏิบัติงานทุกทีม เป็นผู้ที่มีสุขภาพที่ดีเป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขาภิบาลอาหาร และมีองค์ความรู้ในการปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง ถือเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดเพื่อผลิตอาหารให้ปลอดภัย(Safety)

           2. ครัวผลิตอาหารและเครื่องมืออุปกรณ์ มีการออกแบบและติดตั้งรวมทั้งทำความสะอาดและบำรุงรักษาให้เป็นไปตามหลักของ GMP)เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้าม(cross contamination)

           3. การผลิตอาหาร เราใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบเมนูโดยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อกำหนดตำรับคุณลักษณะของอาหารและรูปแบบการจัดตกแต่ง และส่งมอบให้กับทุกทีมที่เกี่ยวข้อง มีระบบการจัดการ การรับ Order และส่งมอบให้กับลูกค้าตรงตามเวลา (delivery on time) เป็นเอกสารคู่มือในการปฏิบัติงาน เพื่อใช้ในการสื่อสารให้ชัดเจนเข้าใจตรงกัน ทั้งนี้ทุกๆ ขั้นตอนมีการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพเพื่อประกันคุณภาพ (QA) ดังสโลแกนที่ว่า “ทุกคำคือคุณภาพใส่ใจในบริการ”