“อาหารเดลิเวอรี่ ในทัศนะพยาบาล”

ความคิดเห็นของบุคคลในหลากหลายสาขาวิชาวิชาชีพที่มีต่ออาหาร เดลิเวอรี่นั้นเป็นมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งผู้ใช้บริการควรนำมาใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อได้ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล การที่จะบอกว่าดีทั้งหมดนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ อาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง ถ้าเราพิจารณาแล้วเห็นว่าพอรับได้ก็ถือว่าพอเพียงแล้วในการที่จะเลือกใช้บริการ เอาอย่างที่ชอบ นั่นแหละดีที่สุดแล้ว

รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

         เมื่อกล่าวถึง อาหาร กับ พยาบาล หลายท่านอาจจะได้ยินเสียงแว่วเข้าหูในทันทีว่า “อย่ากิน…….เยอะนะ น้ำตาลสูง” “ลดเค็มลงหน่อย หยิบถ้วยน้ำปลาพริกออกจากโต๊ะอาหารได้เลย” “กินแบบนี้ คลอเรสเตอรอลขึ้นกระฉูดแน่”
ดูเหมือนว่า ถ้าท่านอยู่ใกล้ๆ กับพยาบาล เวลาจะสั่งอาหารต้องชะงักสักเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะภาพของพยาบาลในสายตาของท่าน คือ คนที่คอยห้าม ปราม หรือ ขัด ในสิ่งที่จะท่านต้องการแล้วให้เหตุผลกับท่านว่า ต้องการให้สุขภาพของท่านอยู่ในเกณฑ์ที่ควรจะเป็นอย่างที่ตำราว่าไว้ ด้วยความห่วงใย…..

         ช่วงเวลาของโรคโควิด 19 ได้ปรับวิถีการรับประทานอาหารของทุกคนโดยถ้วนทั่ว จากการนั่งรับประทานที่ร้าน (โปรด) กลับต้องอยู่กับบ้านและสั่งอาหารปรุงสำเร็จมารับประทาน ในครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนแม้จะปรับวิถีชีวิตมาปรุงอาหารรับประทานเอง แต่ในบางครั้ง ความคิดถึงรสชาติอาหารในร้านโปรด ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ส่วนผู้ที่อยู่คนเดียวหรือมีสมาชิกในครอบครัวไม่เกิน 3 คน หรือที่พักอาศัยไม่เอื้อต่อการปรุงอาหารที่มีกลิ่นหรือต้องผัด ทอด ต้ม ที่ต้องปรุงหลายขั้นตอน การสั่งอาหารเดลิเวอรี่ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่เหมาะสม อาหารเดลิเวอรี่จึงเป็นที่นิยมและจัดว่าเป็นวิถีใหม่ (New Normal) ของการใช้ชีวิตในช่วงของการรักษามาตรการควบคุมการระบาดของโรค
โควิด-19 ชนิดไม่ให้การ์ดตก

         ขอกลับมายังหัวข้อของวันนี้ อาหารเดลิเวอรี่ ในทัศนะพยาบาล ผู้เขียนใคร่ขอเปิดมุมมองเกี่ยวกับอาหารเดลิเวอรี่ ในมิติสุขภาวะ ได้แก่ สุขภาวะทางกาย จิตและสังคม มาเป็นกรอบชวนคิด

         อาหารเดลิเวอรี่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะได้อย่างไร

         อาหารเดลิเวอรี่ มีหลากหลายประเภทตามความต้องการของผู้บริโภค อาหารคาว อาหารหวาน อาหารว่าง
เครื่องดื่มประเภทต่างๆเช่น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ปั่น ดังนั้น ในช่วงของการหยุดเชื้อเพื่อชาติด้วยการอยู่บ้านและทำงาน
ที่บ้านส่งผลให้อาหารเดลิเวอรี่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น อาหารเดลิเวอรี่ตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้บริโภคได้ทุกช่วงวัยจริงๆ  ในบทความนี้ ขอยกความเกี่ยวข้องของอาหารเดลิเวอรี่กับสุขภาวะในสามมิติคือกาย จิต และสังคม
ผู้ที่สามารถสร้างสมดุลให้กับมิติทั้งสามผ่านอาหารเดลิเวอรี่ได้ นับว่าเป็นผู้ที่สามารถสร้างวิถีใหม่ (New Normal)
ให้กับตนเองและคนรอบข้างได้เช่นกัน

         เรื่องแรกที่สำคัญและได้เกริ่นไว้บ้างแล้ว คือ มิติทางกาย เมนูอาหารเดลิเวอรี่ที่มีหลากหลายให้เลือกโดยเฉพาะประเภทอาหารคาวนั้น ในมุมมองของพยาบาลที่คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการและสัดส่วนของสารอาหาร พบว่า อาหารเดลิเวอรี่มีปริมาณผักค่อนข้างน้อย (ยกเว้นการสั่งสลัดผัก หรือ ส้มตำ) ส่วนใหญ่เป็นแป้ง ไขมันและโปรตีน จึงมีความเป็นไปได้ที่อาหารเดลิเวอรี่จะให้พลังงานสูง กากใยน้อย ส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกายมากเกินไป วิธีหนึ่งที่ขอแนะนำ คือ ควรจะมีผักสดและผลไม้สดไว้ในตู้เย็นบ้าง เพื่อเสริมใส่ลงในอาหารเดลิเวอรี่ให้มากขึ้น และหากมีปริมาณมากพอ จะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว ส่งผลให้ร่างกายได้รับแป้งและไขมันจากอาหารเดลิเวอรี่ลดลงได้ นอกจากนี้ผักและผลไม้มีกากใยสูง (แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ มะม่วง ขนุน ละมุด มังคุดลำไย ทุเรียน ฯลฯ)  เป็นคุณต่อร่างกายในเวลาขับถ่ายด้วย เคล็ดลับที่ขอบอกเพิ่มเติมคือ ผลไม้ที่มีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว เช่น สัปะรด แอปเปิ้ล มะเขือเทศ มะนาว (ฝานเป็นชิ้นเล็กๆ) มะม่วงสุกปากตะกร้อซอย ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารคาวให้ครบรสมากขึ้นและอร่อยขึ้น …อย่ากังวลถ้าท่านจะรับประทานอาหารเดลิเวอรี่ในแบบฉบับของตนเอง…

         ท่านอาจจะสงสัยว่า มิติทางจิตเกี่ยวข้องกับอาหารเดลิเวอรี่อย่างไร จิต ในที่นี้หมายถึงอารมณ์และอุณหภูมิใจ
ในช่วงเวลาของการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ ด้วยการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) บางคนอาจต้องแยกตัวแม้จะอยู่กับครอบครัว บางคนต้องอยู่ลำพังหรือจำกัดการออกสังคม อาจเกิดภาวะหดหู่ ซึมเศร้าได้ ถ้ามีอารมณ์เศร้าเล็กน้อยพอเป็นสิ่งเร้าให้ได้ปรับตัว ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด การรับประทานอาหารเดลิเวอรี่ จึงควรเพิ่มสิ่งที่ช่วยให้จิตใจสดชื่น กระปรี้กระเปร่า คลายเศร้าหมองได้ เช่น  น้ำผลไม้สดปั่น รสเปรี้ยวนำหวาน (หลีกเลี่ยงน้ำตาลหรืออาจใช้น้ำผึ้งแทน)
ผลไม้ที่แนะนำได้แก่ กล้วย แอปเปิ้ล สัปะรด ฝรั่ง มะนาวรวมทั้งผักสดบางชนิดที่ปั่นรวมกับผลไม้ได้ เช่น แครอท บีทรูท มะเขือเทศ ฯลฯ จะเห็นได้ว่า เมื่อรับประทานผักและผลไม้เสริมไปกับอาหารเดลิเวอรี่ อาจจะเป็นน้ำผลไม้ปั่น หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อรับประทานพร้อมอาหารย่อมก่อประโยชน์ทั้งต่อสุขภาวะทางกายและปรับอุณหภูมิใจให้อบอุ่น
เยือกเย็น สดชื่นได้  นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ฟังเพลงที่ชอบ (เช่นเพลงช้าๆ หวานๆ Soft Rock หรือ Bossa Nova แต่ไม่แนะนำ Hard Rock หรือ Heavy Metal เพราะอาจตื่นเต้นเกินไป) คลอไปในขณะรับประทาน จะช่วยให้เกิดสุนทรียทางอารมณ์ แม้รสชาติจะไม่อร่อยเลิศ แต่เมื่อรับประทานด้วยความผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศให้อบอุ่น ช่วยให้อาหารธรรมดาอร่อยขึ้นจากอารมณ์สบายๆ ผลที่ตามมาคือ จะรับประทานอาหารช้าลง (ขอแนะนำให้เคี้ยว 20-30 ครั้งต่ออาหาร 1 คำ) อาหารค่อยๆ ถูกย่อยจากเอนไซม์ Amylase ร่างกายมีกลไกจะรับรู้การย่อยนี้ ส่งผลให้อิ่มเร็วขึ้นและลดปริมาณอาหารที่รับประทานโดยไม่รู้ตัว กะเพาะจะทำงานลดลงจากอาหารที่ถูกบดเคี้ยวจนมีขนาดเล็ก สรุปได้ว่านอกจากจะสร้างความสุขใจแล้ว อวัยวะภายในระบบทางเดินอาหารพลอยมีความสุขไปด้วย รับประทานอาหารเดลิเวอรี่อย่างมีความสุขเกิดขึ้นได้จริง ขอแนะนำ!!!

         มิติทางสังคมเป็นสุขภาวะสุดท้ายที่นำมาเกี่ยวข้องกับอาหารเดลิเวอรี่ มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อาจจะทำให้ต้องห่างไกลจากเพื่อนสนิทมิตรสหาย แต่กลับเสริมแรงยึดเหนี่ยวในครอบครัวให้แข็งแรงขึ้น
อาหารเดลิเวอรี่มีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาวะทางสังคมได้อย่างแน่นอน สุขภาวะทางสังคมในช่วงเวลาของโรคโควิด-19 เกิดจากการอยู่ร่วมกันในครอบครัว มาตรการอยู่บ้าน (Stay Home) และทำงานที่บ้าน (Work From Home) เป็นโอกาสอันดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น มีเวลาที่จะสร้างเสริมสัมพันธภาพที่งดงามผ่านการรับประทานอาหารเดลิเวอรี่ที่เป็นจานโปรดร่วมกัน ความอบอุ่นในครอบครัวจัดว่าเป็นสุขภาวะทางสังคมที่สำคัญ….ท่านอาจเคยสั่งอาหารเดลิเวอรี่ที่ส่งพร้อมอุปกรณ์ประกอบอาหารเมื่อสั่งซื้อเมนูครอบครัว

         วลีที่คุ้นหูว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เมื่อมีครอบครัวเป็นบริบท ในท่ามกลางอาหารเดลิเวอรี่ที่เป็นกระแสหลักของวิถีใหม่ (New Normal) การปฎิบัติตามที่กล่าวมาข้างต้นก่อให้เกิดสุขภาวะที่เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุล
ทั้งกาย จิต และสังคม ได้ ……พยาบาลขอแนะนำ!!!!……

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศรีสุดา วงศ์วิเศษกุล
คณบดี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

อาจารย์ธณิดา พุ่มท่าอิฐ

รองคณบดี คณะพยาบาลศาสตร์

อาหารเดลิเวอรี่ กับผู้สูงอายุ                              

            การที่ประเทศไทย เข้าสู่ “สังคมสูงอายุ”และแนวโน้มของการเป็นผู้สูงอายุที่ครองตัวเป็นโสด หรืออยู่ตามลำพังกันมากขึ้น และถึงแม้จะอยู่กับครอบครัว ผู้สูงอายุส่วนหนึ่งต้องจัดหาอาหารสำหรับตนเองเนื่องจากลูกหลานต่างมีภาระหน้าที่การงานนอกบ้าน นอกจากนี้ผู้สูงอายุอาจไม่สะดวกต่อการเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปซื้ออาหารหรือวัตถุดิบมาประกอบอาหารเองด้วยสภาพการจราจรโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ จึงดูเหมือนว่าเรื่องของอาหารการกินจะเป็นความยุ่งยากและเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ผู้สูงอายุได้ ดังนั้นบริการอาหารเดลิเวอรี่จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุอาหารที่ปรุงอย่างสะอาดและพิถีพิถัน รสชาติไม่จัดจ้าน ถูกหลักอนามัย มีผิวสัมผัสที่นุ่มนวล สามารถบดเคี้ยวและกลืนได้ง่าย มีส่วนผสมหลักที่ทำจากปลาและผัก จึงจะเป็นอาหารเดลิเวอรี่เหมาะกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน ทั้งยังส่งเสริมการขับถ่ายที่ดี ซึ่งอาหารเดลิเวอรี่ประเภทปลาและผักมีให้ผู้สูงอายุเลือกรับประทานได้หลายเมนู อาจกล่าวได้ว่า อาหารเดลิเวอรี่ เป็นอีกทางเลือกที่เป็นเป็นวิถีใหม่ 
(New Normal) สำหรับสังคมสูงอายุในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี นอกจากจะทำให้ผู้สูงอายุได้รับความสะดวกสบายแล้วลูกหลานยังคลายความวิตกกังวล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้ส่วนหนึ่งด้วย

นางสาวพรนภัส สุขารมย์

หัวหน้าแผนกบริการอาหารครัวสวนดุสิต

            การคิดตำรับอาหาร Food delivery เน้นถึงคุณค่าโภชนาการเป็นสำคัญก่อนนำมาออกเมนูโดยได้ออกแบบรสชาติอาหารให้ได้อาหารแบบต้นตำรับการเรือนสวนดุสิต มีการควบคุมคุณภาพและใส่ใจทุกๆ ขั้นตอนเริ่มตั้งแต่ วัตถุดิบเน้นแต่ละชนิดมีการคัดสรรและตรวจสอบคุณภาพก่อนนำมาปรุง และควบคุมรสชาติอาหารเป็นรสชาติอาหารต้นตำรับการเรือนสวนดุสิตใช้การผลิตตามมาตรฐานน้ำซอสสวนดุสิต ถือเป็นเคล็ดลับของสูตรความอร่อย เพื่อส่งให้ลูกค้า ลูกค้าของเราจะได้รับอาหารที่สะอาด สดใหม่ รสชาติตามแบบฉบับของสวนดุสิตและมีคุณค่าทางโภชนาการครบทุกหมู่  “ลูกค้าทุกคนสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะอยากทานเมนูไหนต้องได้ทานนั่นคืองานของเรา”