“อาหารเดลิเวอรี่” : จาก “จีน” สู่ “ไทย”

จากวิกฤติโควิด-19 นี้เองที่ทำให้เราเข้าใจความหมายของ Disruption ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและการเรียนรู้จากที่ต่าง ๆ หรือประสบการณ์ที่แก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วจะทำให้เกิด การอยู่รอดได้ เมื่อพร้อมที่จะปรับตัวทันทีมากกว่าการต้องใช้เวลาเพื่อ การเตรียมความพร้อม เวลาจะมาเร็วกว่าที่เราคิดเอาไว้ เวลาในปัจจุบันกับเวลาในอนาคตอาจจะทับซ้อนกันได้

รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ความเฟื่องฟูของ “อาหารเดลิเวอรี่ในประเทศไทยในระบบออนไลน์” ณ วันนี้ ที่เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจซึ่งเติบโตสวนกระแสวิกฤติโควิด-19 ก็ว่าได้ โดยปรากฏการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ   “อาหารเดลิเวอรี่” ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในไทยเท่านั้น แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ

รูปแบบการสั่งอาหารออนไลน์เกิดขึ้นครั้งแรกในโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะเริ่มได้รับความนิยมในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการดำเนินการในอุตสาหกรรม Food delivery ของจีน     เริ่มแรกนั้น เป็น “การสั่งอาหารทางโทรศัพท์” ก่อนที่ในปี 1990 จะมีบริการ “สั่งซื้อบนเว็บไซต์” ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักเรียนนักศึกษาและพนักงานบริษัท

ในปี 2012 เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ Smart phone ทำให้ Application WeChat เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ “ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ของจีน” ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดย “Meituan”    ของ Application ยอดนิยมในจีนมียอดคำสั่งซื้อประมาณ 3 ล้านคำสั่งซื้อต่อวัน พื้นที่ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 65% ในปี 2020

แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ขึ้น “Meituan” ได้เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการใหม่ ด้วยบริการแบบ “Contactless Delivery” ที่ผู้ส่งจะไม่ต้องสัมผัสกับภาชนะบรรจุอาหารหรือลูกค้า โดยผู้สั่งจะต้องไปรับอาหารที่จุดรับสินค้า (Pickup Station) ตามแต่ละบริเวณให้บริการ

ทั้งหมดนี้ คือ ภาพสะท้อนพัฒนาการของ “อาหารเดลิเวอรี่ของจีน” จากยุคที่เฟื่องฟู สู่ยุคแห่งการปรับตัว ซึ่งหากถอดรหัสองค์ความรู้แล้ว จะพบปัจจัยแห่งความสำเร็จ ซึ่งประกอบด้วย

1) ความหนาแน่นของประชากรในจีน ซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดขนาดของตลาดและระยะทางที่ผู้ค้าแต่ละรายจะสามารถส่งมอบอาหารให้ลูกค้าได้ นอกจากความสะอาดของอาหาร ราคาที่ลูกค้ารับได้ “ความรวดเร็ว” ในการขนส่งอาหาร นับเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งหากประชากรมีความหนาแน่นสูง ความสามารถในการขนส่งอาหารโดยใช้เวลาน้อยจะสามารถทำได้มากกว่าพื้นที่ที่ประชากรมีความหนาแน่นต่ำ

2) ต้นทุนแรงงานที่ต่ำของประเทศจีน ทำให้ธุรกิจ Food delivery ที่ต้องใช้กำลังคนอย่างมาก       ในการจัดส่งอาหารมีต้นทุนต่ำ การสั่งซื้ออาหารออนไลน์ในประเทศจีนราคาไม่ได้ต่างจากการซื้ออาหารรับประทานที่ร้านเท่าใดนัก นอกจากนี้วัฒนธรรมทางสังคมที่ผู้ให้บริการส่งอาหารยินดีตอบสนองความต้องการอื่นๆ เช่น การช่วยซื้อบุหรี่ ของใช้อื่นๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แทบจะไม่เกิดขึ้นเลยในสังคมอเมริกัน

3) ความหลากหลายของประเภทอาหารในจีน ตลอดจนวัฒนธรรมการรับประทานอาหารขณะที่อาหารยังร้อน ทำให้ผู้บริโภคต้องพึ่งพาแพลตฟอร์ม Food delivery มากขึ้น ซึ่งจะได้เปรียบในเชิงการพัฒนาเมื่อเทียบกับประเทศที่วัฒนธรรมการรับประทานอาหารไม่จำเป็นต้องทานร้อน ประเภทอาหารไม่หลากหลาย อย่างเช่นประเทศในยุโรปหรืออเมริกา ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดการจำเมนูได้ ไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มมากนัก การเติบโตจึงเกิดขึ้นช้ากว่า

4) ความสำเร็จในการพัฒนาระบบการชำระเงินที่เรียกว่า e-Payment ของจีน ทำให้เกิดสังคมไร้เงินสด (Cashless society) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่แม้กระทั่งหาบเร่ยังใช้ QR Code ในการรับเงินค่าสินค้าหรือบริการ ความสะดวกสบายในการชำระค่าอาหารที่เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ทำให้เกิดแรงหนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารเดลิเวอรี่ที่มากยิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการและถูกจริตต่อพฤติกรรมผู้บริโภค

การศึกษาความเป็นมา และปัจจัยความสำเร็จของ “ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ของประเทศจีน” ซึ่งมีขนาดตลาดใหญ่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก มีความซับซ้อน และการหาแนวทางเอาใจผู้บริโภคได้ไม่ง่าย ดังนั้น การศึกษาและประยุกต์ใช้ข้อมูลจากตลาดที่มีความซับซ้อนย่อมเป็นทางลัดของมุ่งสู่ความสำเร็จของธุรกิจเดลิเวอรี่ไทยได้เป็นอย่างดี

แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะให้ดีหากการถอดแบบความสำเร็จจากจีนแล้ว ก็คงต้องนำมาผนวกกับ “อาหารเดลิเวอรี่แบบไทยไทย” ที่มีการให้บริการบนฐานแห่ง “รอยยิ้มสยาม” ความมีน้ำใจทั้งผู้รับบริการและให้บริการ…นี่แหละ คือ รากฐานของความสำเร็จที่ยั่งยืนของ “อาหารเดลิเวอรี่แบบไทยไทย” อย่างแท้จริง..!!

ดร.พรชณิตว์ แก้วเนตร
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ดร.ธนาภรณ์ โคตรพัฒน์

อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ (ธุรกิจจีน-อาเซียน)อดีตผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สุพรรณบุรี

ในยุคปัจจุบัน “เวลา” เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เนื่องจากการดำรงชีวิตในสังคมสมัยใหม่นั้นต้องการความรวดเร็วและใช้อย่างมีประสิทธิภาพคุ้มค่ามากที่สุด และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ผลักดันให้พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างไม่ต้องสงสัย อุตสาหกรรมบริการจึงเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วและซึมซับเข้าไปในทุกด้านของชีวิตผู้คน ในบริบทของการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอินเทอร์เน็ตในความนิยมของคนยุคปัจจุบันกับการใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งทำให้สะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ในการเข้าสู่ “สังคมไร้เงินสด” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมการบริการ Food delivery ด้วยคุณสมบัติที่รวดเร็วสะดวกและประหยัดเวลา ตรงตามความต้องการของผู้คนร่วมสมัยเพื่อชีวิตที่รวดเร็วดังนั้นจึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และธุรกิจนี้ยังได้สร้างงานจำนวนมากทั้งผู้ประกอบการและผู้ให้บริการรับ – ส่ง  และโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม Food delivery อีกด้วย และในตลาดด้านนี้ยังมีแนวโน้มเป็นตลาดไม่มีที่สิ้นสุด  และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาของ Food delivery  ในประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความนิยมของสมาร์ทโฟน นอกจากการใช้ QR code ในการใช้จ่ายและโอนเงิน ซึ่งความสะดวก รวดเร็ว อีกทั้งการไม่มียอดโอนขั้นต่ำในแต่ละครั้งทำให้มีการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในบรรดาผู้ค้าและผู้บริโภคอีกทั้งยังรวมไปถึงคนที่อาศัยอยู่ในแถบชนบทด้วยเช่นกัน เหนือกว่านั้นคือระบบ Face Recognition การจดจำใบหน้าของ Alibaba ที่แค่เพียงสแกนใบหน้าก็สามารถชำระเงินผ่าน Alipay Account ได้ทันที

ดร.กัญญทอง หรดาล

อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต
สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ (ธุรกิจจีน-อาเซียน)

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อวิกฤต COVID-19 ส่งผลให้ “ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่” จากทุกประเทศทั่วโลกเติบโตขึ้น ที่สำคัญ การเติบโตของธุรกิจนี้ก็ไม่ต่างจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบอื่น ๆ ​ที่สามารถจัด Big Campaign ที่มีพาร์ทเนอร์ร่วมมือกันจำนวนมาก โดย “ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่” ที่สามารถอยู่รอดได้ในสภาพการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน นอกเหนือจากการบริการช่วยอำนวยความสะดวกในการเลือกซื้ออาหารจากร้านอาหารเด็ดดัง โปรโมชั่นค่าส่งอาหาร  ความรวดเร็วในการจัดส่ง จำนวนร้านอาหารบนแพลตฟอร์มที่มีความหลากหลาย ที่แต่ละแพลตฟอร์มต่างพยายามที่จะนำมาใช้เพื่อสร้างจุดเด่น จุดแข็งให้กับแพลตฟอร์มตัวเองแล้ว ในส่วนของตัวเลือกการจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต, บัตรเดบิต, Online Banking, e-Wallet, Rabbit LINE Pay, Alipay ฯลฯ เพื่อส่งเสริมการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) หรือสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อาจจะช่วยเพิ่มปริมาณการสั่งในแต่ครั้งให้สูงขึ้นได้อีกด้วย